นี่คือคำให้การในฐานะพยานของพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์กรณีการสลายการชุมนุมของทหารในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ลงวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554 คำให้การที่สำคัญคือมีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุต่อผู้ชุมนุมในปี 2553 ในเอกสาร เราขีดทับข้อมูลส่วนตัวของพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์
พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี [ในปลายปี 2551] เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน (พปช.)
เขากล่าวว่าเขาเป็นผู้สนับสนุนนปช.และเข้าร่วมชุมนุม
เขากล่าวว่าเมื่อรัฐบาลสลายการชุมนุมนปช.ปี 2552 ผู้ชุมนุมได้ปิดแยกสามเหลี่ยมดินแดงและพบอาวุธสงครามจำนวนมากให้รถบรรทุของทหาร อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่พวกเขาพบอาวุธ พวกเขาก็จะส่งคืนให้ทางตำรวจ แสดงให้เห็นว่านปช. ชุมนุมอย่างสงบ มิได้มิเจตจำนงค์ที่จะใช้อาวุธเหล่านั้นต่อสู้กับทหาร
ในปี 2553 ผู้ชุมนุมนปช.ได้กลับมาชุมนุมอีกครั้งเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาและจัดการเลือกตั้งทั่วไป และการชุมนุมก็เป็นการชุมนุมที่สงบด้วยเช่นกัน
เมื่อถูกถามว่าเขาคิดว่าการสลายการชุมนุมของทหารนั้นถูกต้องตามหลักสากลหรือไม่ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์กล่าวว่าไม่ เพราะไม่มีการเจรจา และแม้การเจรจาล้มเหลว รัฐบาลจะต้องออกประกาศเตือน และใช้กระบอง รถน้ำ หรือกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุมหลังจากนั้น และจะต้องไม่มีการใช้กระสุน “จริง” อย่างเด็ดขาด แต่ในะระหว่างการสลายการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคมมีการใช้กระสุนจริง และเอกสารของศอฉ.ยังยืนยันโดยระบุว่าในระหว่างการสลายการชุมนุมในเดือนเมษายน/พฤษภาคม ทหารใช้กระสุนจริง 120,000 นัด และกระสุนซุ่มยิง 2,600 นัด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 93 รายและบาดเจ็บ 2,000 ราย